วสท.ลงพื้นที่ตรวจสอบ “รอยต่อเผื่อขยาย”บนสะพานข้ามแยกหลักสี่ ยันอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

จากความตื่นตระหนกของประชาชนที่ได้พบเห็นว่ามีรอยแยกช่วงกลางสะพานข้ามวงเวียนหลักสี่ ฝั่งจาก ถ.แจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าไป ถ.รามอินทรา เมื่อเร็ว ๆ นี้และมีผู้นำไปโพสต์ภาพพื้นสะพานที่แยกออกจากกัน ลงบนสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้ประชาชนบางส่วนมีความกังวลห่วงใยในความมั่นคงปลอดภัยของสะพานต่อการใช้งาน ดังนั้น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)โดย รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมโยธา, รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ ที่ปรึกษาคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมโยธา พร้อมทั้ง ดร.มนตรี เดชาสกุลสม ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 และทีมผู้เชี่ยวชาญ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจวิเคราะห์รอยแยกบนพื้นสะพาน ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม เพื่อตรวจสอบและศึกษาลักษณะรอยแยกที่เกิดขึ้นนี้ตลอดจนประเมินความปลอดภัย

รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ ที่ปรึกษาคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมโยธา กล่าวว่า ลักษณะภาพรวมของสะพานข้ามแยกวงเวียนหลักสี่ ยังมีความมั่นคงแข็งแรง ทั้งโครงสร้างที่เป็นเทคนิคในการออกแบบของสะพาน รวมไปถึงการป้องกันการยืดหดตัวในอุณหภูมิสูงที่ 40 องศาจะมีการยืดหดตัว ในระยะเวลานานมากๆ ที่ยืดหดตัวนั้น อาจไม่กลับคืนมาที่เดิม จึงส่งผลให้ช่องรอยต่อของสะพานค้างอยู่ จากที่ วสท.ได้ตรวจสอบในวันนี้ พบว่ามีการยืดหดตัวประมาณ 11 ซ.ม. ซึ่งไม่ทำให้เกิดความน่าเป็นห่วง จึงไม่ต้องวิตกกังวล ทั้งยังได้ตรวจสอบเสารับน้ำหนักของสะพานยังปกติเหมือนเดิมพร้อมใช้งานอยู่ สาเหตุของการแยกห่างระหว่างตัวเชื่อมต่อที่พบเกิดจาก แผ่นยางที่เอาไว้รองด้านล่างของตัวเชื่อมต่อสะพานนั้นได้มีการหลุดร่อนไปตามสภาพ ตามระยะเวลาและตามอายุการใช้งาน ทำให้เสื่อมสภาพไปบ้าง จะต้องมีการเปลี่ยน รวมไปถึงการแก้ไขตัวเชื่อมต่อที่ห่าง ทั้งนี้รอยระยะห่างนี้ทางกรมทางหลวงที่ 13 ได้เฝ้าตรวจระวังอยู่ตลอดเวลา




 รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.)กล่าวว่า จุดที่พบรอยแยก คือเทคนิคก่อสร้างทางวิศวกรรมที่ออกแบบเป็นจุดเชื่อมต่อ ลักษณะเป็นช่องว่าง เรียกว่า “รอยต่อเผื่อขยาย” หรือ Expansion Joint จุดเชื่อมต่อนี้กำหนดไว้เผื่อการขยายและหดตัวของสะพานคอนกรีด เมื่อมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง หากอุณหภูมิที่สะสมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ตัวสะพานเคลื่อนที่ขยายตัวออก การขยายตัวจะมีขนาด 7-12 ไมครอน ต่อองศา ถ้าเปรียบกับความยาวของสะพานประมาณ 30.5 เมตร อยู่ในอุณหภูมิสูงประมาณ 38 องศา จะมีระยะขยายตัวที่ 1.7 ซ.ม. และมีโอกาสที่จะหดได้ 1.7 ซ.ม. ดังนั้นรอยต่อเผื่อขยายจึงเอาตัวเลขนี้มาทำการกำหนด ซึ่งในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนตัวยางรองปิดรอยต่อข้างล่าง ถ้าคำนวนจากตัวเลขอุณหภูมิ 38 องศา คูณ 2 หนึ่งข้างของสะพานจะสามารถขยายได้ 3.4 ซ.ม. ทั้งสองข้างก็จะเป็น 6.8 ซ.ม. ถ้าลองคำนวนแบบเผื่อเหลือเผื่อขาด ก็สามารถที่จะขยายตัวได้ถึง  10 -16 ซ.ม. ในวันนี้ทาง วสท. วัดได้ 11 ซ.ม. ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย

         

ดร.มนตรี เดชาสกุลสม ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 กรมทางหลวง กล่าวว่า ในส่วนของการซ่อมแซมบำรุงรักษานั้น กรมทางหลวงจะเป็นผู้ดูแลในการซ่อม โดยระยะเวลาในการซ่อมจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน โดยจะเริ่มซ่อมในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ถึง ตี 5 ซึ่งได้ทำการซ่อมแซมมาหลายวันแล้ว ในส่วนที่เป็นรอยห่างของส่วนต่อขยาย กรมทางหลวงจะเปลี่ยนใหม่ จะทำให้รอยห่างของส่วนต่อขยายเล็กลง จะได้ลดความวิตกกังวลของพี่น้องประชาชน และจะซ่อมแผ่นยางใต้รอยต่อเผื่อขยายให้อยู่ในสภาพปกติ ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งหมด 3 รอยต่อบนสะพาน โดยจะใข้เวลาในการซ่อมรอยต่อละ 7 วัน และคุณสมบัติการยืดหดตัวก็จะเพิ่มขึ้นด้วย จะทำให้เห็นช่องว่างน้อยลง ยังมีอีกบางสะพานที่มีปัญหาลักษณะนี้ พร้อมทั้งจะติดตั้งเครื่องมือวัดระยะห่าง เพื่อสามารถตรวจสอบได้ตลอดระยะเวลา