ผบ.ทบ. อัดพวกเรียนจบนอก ”อย่าดัดจริต” ช้ายจัด มาคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง ณ ขณะนี้ ว่า กองทัพบกยุคนี้ พัฒนาปรับปรุงเป็นโมเดิร์นไนท์ อาร์มมี่ อย่าง ผบ.ทบ. ต่างประเทศ ก็ส่งไลน์ติดต่อกันในภูมิภาคเพื่อนบ้าน ซึ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะด้านการเมือง ซึ่งนั่งคิดทบทวนมา 2 คืน สรุปเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น อยากให้ประชาชน สื่อมวลชน ทำความเข้าใจ ที่ตนเคยให้ข่าวหลายครั้ง แต่แปลกที่ไม่เข้าใจกัน ตนใช้คำว่าพลเอกประยุทธ์จะต้องเดินไปในทางการเมือง ส่วนกองทัพบก ต้องกลับมาพัฒนากองทัพ มาเป็นทหารอาชีพ ตอนนี้กองทัพบก เปลี่ยนไปมาก มีความสง่างาม ซึ่งในหลวงเป็นต้นแบบของระเบียบวินัย ลักษณะทหารที่ดี

ทั้งนี้ อยากให้ทุกคน นิสิต นักศึกษา เข้าใจกองทัพเสียใหม่ โดยยอมรับว่าเรามีช่องว่างทางการสื่อสารคนละภาษา กับที่ท่านอยากจะฟัง ซึ่งกองทัพบกจะพยายามสื่อสาร แต่ต้องเข้าใจว่ากองทัพเป็นหน่วยงานของรัฐบาล แต่ไม่ได้ทำงานการเมือง และตนย้ำเสมอถึงพระราชดำรัส ว่าทหารจะต้องอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมให้คำมั่นทหารจะเคียงข้าง วางตัวในบทบาทของทหาร เพื่อปกป้องประเทศ ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน ตราบใดที่ตนยังอยู่ ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดทำไม่ได้ ก็ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อได้ เช่นเดียวกับตำแหน่งของตน ที่ไม่มีอยู่ข้อยกเว้น ที่จะทำงานน้อยกว่าคนอื่น ต้องทำมากกว่า ไม่ใช่ข้ออ้าง วันนี้ตนขอพูด แล้วจะไม่พูดอีก จนกว่าจะหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขอเดินหน้าซักซ้อม เพราะเป็นพิธีสำคัญของคนไทย

พลเอกอภิรัชต์  ยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้ยังมีความบิดเบือนข้อมูลเรื่องการเมือง ซึ่งกองทัพยอมรับมีจุดอ่อนการใช้โซเชียล ในขณะที่สื่อบางชนิด บางแบบ เข้าถึงจิตใจคนอีกยุคหนึ่งในการรับรู้ อยากให้รับทราบข้อมูลยาวๆ ที่ตนพูด ไม่ใช่ตัดทอนสั้นๆ แค่เพียงวาทกรรม ซึ่งยอมรับว่าปฏิเสธไม่ได้ สื่อโซเชียลทรงอานุภาพกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่ และด้านการยอมรับกติกา ขออย่าใช้วาทกรรมที่ถูกสร้าง ทั้งคำว่าเผด็จการ และประชาธิปไตย เป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ ผุดวาทกรรมมาเพื่อแบ่งแยกประชาชนที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างนั้นหรือ หรือต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง เหมือนที่เกิดขึ้นมา ณ วันนี้ยังมีขบวนการแบ่งฝ่าย ทำไมไม่เคารพกติกา แล้วไปสู้ในสภา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถูกชี้นำด้วยเกมการเมืองจากพวกนักการเมืองเดิมๆ หรือซ้ายตกขอบ

ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงคนที่ไปศึกษาต่างประเทศว่า ไปร่ำเรียนอะไรที่เกี่ยวกับประชาธิปไตยมา ไปเอาตำราประเทศใดประเทศหนึ่งมาก็ตาม เอามาแล้วก็ดูด้วยว่า ควรดัดแปลงอย่างไร แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนเเปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าไปเอาความเป็นซ้ายจัดที่เรียนมาแล้วดัดจริต ประเทศอื่นเขาไม่มีที่จะเป็นแบบนี้ เป็นสยามเมืองยิ้ม มีประชาธิปไตยแบบไทยๆ คือ ขอให้คนไทยรักกัน หันหน้าเข้าหากัน เพราะทุกคนเมื่อกรีดเลือดออกมาก็คือคนไทยด้วยกัน เป็นเลือดบรรพบุรุษที่ปกป้องแผ่นดินมา


"ขอร้องนิสิตนักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการที่ไปร่ำไปเรียนต่างประเทศกันมา บางคนได้ทุนของราชการ ได้ทุนของในวังไป แต่สิ่งที่ไปร่ำไปเรียนมา ผมขอเน้นย้ำว่า ท่านจะไปเรียนระบอบประชาธิปไตยประเภทอะไรมา แต่ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบตัวเอง ลองถามตัวเองว่าเมื่อไปเรียนหรือไปเที่ยวประเทศอื่น ทำไมต้องปรับตัวให้กับประเทศอื่น ซึ่งในโลกแห่งประชาธิปไตย มีประชาธิปไตยหลายรูปแบบ และคำว่า dictatorship คำว่าเผด็จการ ผมถามว่า ทำไมเรียก คสช. ว่าเป็นเผด็จการ ถ้าหากเป็นเผด็จการจริง ก็คงทำเหมือนบางประเทศ (ไม่อยากพูดชื่อ) ไปเเล้ว และบางประเทศก็เป็นเผด็จการในรูปแบบประชาธิปไตย"


ผบ.ทบ. ยังกล่าวถึงคนที่เป็นเศรษฐี คนมีเงิน แม้จะถูกดำเนินคดีจนถึงติดคุก ก็ไม่หลบหนี และยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ไม่เหมือนบางคนที่ไม่ยอมรับ หรือยอมรับไม่ได้ และไม่เคยจะยอมรับ ก็ไปเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ