ก.อุตฯ ลงพื้นที่ จ.น่าน เยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้อัตลักษณ์น่านนคร หวังหนุนเป็นแหล่งท่องเที่ยว

นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ จ.น่าน เพื่อเยี่ยมชม เฮือนรถถีบและพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยมี นางเบญจมาพร เอกฉัตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเยี่ยมชม มีนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และนายสำเริง สวัสดีนฤนาท อุตสาหกรรมจังหวัดน่าน ให้การต้อนรับ

เฮือนรถถีบ เป็นพิพิธภัณฑ์สะสมจักรยานที่มีอายุกว่า 60 ปี มีจักรยานจำนวนหลายร้อยคัน ทั้งแบบรุ่นเก่าและอุปกรณ์จักรยานที่หาดูยากหลายชิ้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของ นายสุพจน์ เต็งไตรรัตน์ ผู้ก่อตั้ง “เฮือนรถถีบ” ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และแหล่งเรียนรู้เรื่องจักรยานให้แก่คนรุ่นหลัง โดยเริ่มสะสมจากจักรยานเพียงไม่กี่คันที่ประกอบชิ้นส่วนขึ้นมาใหม่ แล้วทยอยสะสมจักรยานมาเรื่อย ๆ จนครบทุกรุ่น มีจักรยานโบราณคลาสสิคหาชมยากหลายรูปแบบ อาทิ จักรยานล้อโต อายุกว่า 130 ปี ที่มีล้อหน้าใหญ่ล้อหลังเล็ก จักรยานไทรดอน ที่มีวิวัฒนาการจากจักรยานล้อโต มาเป็นการใช้เฟืองและโซ่เป็นครั้งแรก เพื่อช่วยให้ใช้แรงถีบน้อย และจักรยานบีเอสเอ จักรยานพับได้รุ่นแรกของโลก ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการสงคราม ตัวรถพับและหิ้วสะพายหลังได้ ซึ่งทหารจะกระโดดร่มลงมาพร้อมจักรยานนี้แล้วกางออกปั่นต่อไปได้ 

จากนั้น นายสมชายและคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 ณ สำนักงานเทศบาลตำบลเวียงสา มีนายวิโรจน์ หวั่นท๊อก นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสาให้การต้อนรับและพาเยี่ยมพิพิธภัณฑ์


พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตั้งอยู่ที่สำนักงานเทศบาลตำบลเวียงสา เป็นอาคารที่สร้างขึ้นสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยชั้นบนได้สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงศิลปะล้านนา อาทิ ประวัติเจ้าหลวงเมืองสา เครื่องใช้โบราณในท้องถิ่น ข้อมูลชนเผ่าต่าง ๆ และอนุสรณ์สถานที่ประทับรับรองการเสร็จมาเยือนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ในเดือนธันวาคมของทุกปี

ซึ่งทางกระทรวงอุตสาหกรรมคาดหวังให้ทั้งเฮือนรถถีบ และพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรุ่นใหม่ต่อไป