ไม่ตอบโจทย์
นายรังสิมันต์ โรม , นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. จังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล แถลงกรณีที่ฝ่ายค้านโดยพรรคก้าวไกลขอนับองค์ประชุมระหว่างการพิจารณารายงานศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)
โดยนายชุติพงศ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจที่จะให้รายงานดังกล่าวผ่านไปด้วยความสมบูรณ์ที่สุด
แต่มีข้อติดขัดในหลายเรื่องที่ยอมรับว่าไม่มีความสมบูรณ์ในหลายจุด รวมถึงการแถลงของประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเอง ก็เหมือนยอมรับว่ามีความไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรคก้าวไกลต้องการที่จะให้ถอนรายงานดังกล่าวออกไป
แต่เมื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ยืนยันที่จะให้เดินหน้าพิจารณาต่อโดยไม่สนใจข้อทักท้วงของฝ่ายค้าน ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ( 28 มี.ค.) ตนไม่ได้ขอให้เพื่อนสมาชิกยกมือสนับสนุนการขอนับองค์ประชุม เพราะตั้งใจจะให้ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายในเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด
แต่ทั้งนี้ต้องชื่นชมพรรคร่วมรัฐบาลที่มีองค์ประชุมครบถึง 250 เสียง
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากพูดถึงรายงานฉบับนี้หลายคนยังสงสัยในจุดประสงค์หลักของการศึกษา (Entertainment Complex) ว่ามีผลดีอย่างไร
เมื่อมองแล้วสามารถแยกออกเป็น 2 ส่วนคือเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย และเรื่องธุรกิจ
แต่หากย้อนไปดูในตัวรายงานฉบับนี้แทบไม่มีการพูดถึงหรือวิธีการที่จะแก้ปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมายเลย แต่เป็นการมุ่งเน้นเรื่องธุรกิจ
โดยต้องยอมรับว่ารายงานฉบับดังกล่าวยังขาดความสมบูรณ์เพราะใช้เวลาการประชุมน้อยมาก เพียง 11 ครั้ง เช่นเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้ประชุมเรื่องนี้เลย
ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงพยายามทักท้วงรายงานฉบับนี้ว่าควรกลับไปปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือไม่ เช่น วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่กับเรื่องพนันออนไลน์มีบ่อนตามจังหวัดต่างๆ ต้องยอมรับว่าหาก (Entertainment Complex) เกิดขึ้นจริงก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องบ่อนตามหัวเมืองต่างๆได้เนื่องจากกาสิโนต้องเสียค่าแรกเข้า และการพนันออนไลน์ยังสามารถเข้าถึงได้อย่างง่าย
นอกจากนั้นนายรังสิมันต์ ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องสถานที่ตั้งกาสิโนถูกกฎหมายว่าแม้ในรายรายงานไม่ได้ระบุในส่วนสถานที่ตั้ง แต่สิ่งที่กังวลเช่นกรณีที่อู่ตะเภาที่ได้ข่าวว่ามีการเซ็นสัญญากันไปกัน
สุดท้ายจะนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ผูกขาด อีกทั้งบริษัทที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่จะได้โปรเจ็คนี้ไปจะไม่มีความโปร่งใส เป็นส่วนที่ฝ่ายค้านกังวลและรัฐบาลยังชี้แจงไม่ได้
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องการบริหารจัดการในอนาคตด้วย เมื่อดูแล้วพบว่ามีประสิทธิภาพต่ำมาก
จึงฝากไปยังรัฐบาลว่าหากจัดการดีก็จะเป็นโอกาสแต่หากบริหารจัดการไม่ดีก็จะเกิดวิกฤติ
ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลจะขอเวลาในการอภิปรายมาตรา 152 คืนจากฝ่ายค้าน ภายหลังที่เกิดกรณีการขอนับองค์ประชุมเมื่อวานนี้ว่า การหารือระหว่างวิปฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีทั้งแบบทางการและไม่ทางการการพูดคุยของวิป
แต่ละฝ่ายสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในได้อยู่เสมอ แต่หากเป็นมติร่วม 2 ฝ่าย จะถือเป็นการพูดคุยในระดับทางการมากที่สุด
การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเปลี่ยนนั้นคิดว่าไม่เหมาะสม ซึ่งที่ประชุมวิป 2 ฝ่ายได้ตกลงเรื่องเวลาการอภิปรายกันแล้ว จึงไม่ควรเปลี่ยนแปลงข้อตกลงดังกล่าว
อีกทั้งกรณีกรณีที่เกิดขึ้นในการขอนับองค์ประชุมทางพรรคก้าวไกลไม่ได้ ดำเนินการหักมติวิปแต่อย่างใด ยืนยันว่าการขอนับองค์ประชุม ของฝ่ายค้านเป็นการใช้เครื่องมือที่ฝ่ายค้านมี และที่ผ่านมาฝ่ายค้านได้เสนอขอนับองค์ประชุมน้อยมาก