รองโจ๊ก รับข้อมูลชูวิทย์ ขยายผลจับสมาคมจีนเถื่อน



เมื่อเวลา 9:00น. ที่สน.นางเลิ้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาเพื่อแจ้งข้อหาตามมาตรา 112 กับนายหยู ซิน ฉี หลังมีการเปิดเผยพฤติกรรมของนายหยู ซินฉี ที่แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงในการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาล มีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เป็นผู้อภิปราย

นายชูวิทย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของนายหยูซินฉี ตนเองตามสืบสวนและรวบรวมข้อมูลมานาน มักแอบอ้างบุคคลสำคัญ ทหาร ตำรวจ ลามไปถึงสถาบันเบื้องสูง หยู ซินฉี มักต่อวีซ่าโดยใช้บ้านที่จ.ชลบุรี อ้างเป็นที่พักถาวร แต่ความจริงเป็นบ้านร้าง การต่อวีซ่าถาวร จะต้องมีเงินฝากไม่ต่ำกว่า8แสนบาท วิธีการของจีนเทากลุ่มนี้คือ จะไปให้เอเยน หรือ นายหน้าที่สามารถเข้าถึงตำรวจ ตม.ดำเนินการต่อวีซ่าให้ มีการโอนเงินเข้าบัญชีของคนจีน8แสนบาท เมื่อทำเรื่องต่อวีซ่าผ่านก็จะโอนเงินกลับ คนจีนกลุ่มนี้จะเสียค่าดำเนินการ 200,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเอเย่นน่าจะไปแบ่งให้กับตำรวจตม.

เห็นได้ชัดว่าตำรวจตม.หย่อนยาน ถ้ามีการตรวจสอบเงินในบัญชีน่าจะรู้ว่าเพิ่งมีการโอนเงินเข้ามา แต่ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง กลับปล่อยปละละเลย

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของนายหยูซิน ฉี คือการเอาสถาบันที่รักยิ่งของคนไทยมาแอบอ้างเข้าผลประโยชน์ของตนเอง สมควร ต้องถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทำให้สถาบันต้องเสื่อมเสียมัวหมองและยังมีความผิดตามม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อีกทั้งยังดูหมิ่นตนเอง ด้วยการใช้คำว่า ขยะ

และที่ตนเองรับไม่ได้คือ นายหยูนำเอาภาพถ่ายที่ถ่ายคู่กับสถาบันเบื้องสูงมาแอบอ้างนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ว่า มีความใกล้ชิดกับสถาบัน ตนเองจึงต้องออกมาปกป้องสถาบัน เพราะสถาบันนี้คือสถาบันของคนไทยถ้าคนต่างชาติไม่เข้าใจก็จะเอาไปหาผลประโยชน์ อยากให้ผบ.ตร.เร่งจัดการ

นายชูวิทย์ได้นำภาพของนายหยู ซิน ฉี ที่ถ่ายรูปคู่กับราชนิกูลท่านหนึ่ง ซึ่งราชนิกูลท่านนี้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา "สมาคมสานซีแห่งประเทศไทย" ตนเองเชื่อว่าราชนิกูลท่านนี้ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไร น่าจะถูกนายหยูหลอกลวงแอบอ้างมากกว่า ไม่เว้นแม้กระทั่งรูปถ่ายคู่กับนายกรัฐมนตรี พระสงฆ์องค์เจ้า ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ มาจากการหย่อนยานของหลายหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่ปล่อยให้มีการจัดตั้งสมาคมเถื่อนอย่างเสรี ยกตัวอย่าง ที่จังหวัดกาญจนบุรี มีสมาคมเถื่อน ไม่น้อยกว่า 500 แห่ง ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่กำกับหน่วยงานอย่างกรมการปกครอง มัวทำอะไรอยู่

 

นายชูวิทย์ยังได้เปิดเผยกลุ่มจีนสีเทากลุ่มใหม่ที่เป็นกลุ่มชื่อว่า "14 เค" มาจากมาเก๊า เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีนาย"ไบ๋ เจ้าฮวย"เป็นเจ้าของ ก่อตั้งชื่อว่า "สมาคมหงเหมิน" ตัวสมาคมตั้งอยู่ที่ย่านศรีวรา ทาวน์อินทาวน์ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยและปลัดกระทรวงฯควรจะตรวจสอบและทำงานให้มากกว่านี้ ซึ่งสมาคมพวกนี้ตนเองเรียกว่า สมาคมอั้งยี่

ตนเองเชื่อว่า สมาคมจีนเทาเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีคนไทยไปช่วยเหลือ โดยใช้ทนายความคนไทยในการก่อตั้งสมาคมหรือมูลนิธิ เพราะคนจีนพูดไทยไม่ได้เมื่อจัดตั้งเสร็จ ก็ใช้เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม.ว่า ไม่ใช่แค่การยกเครื่องแต่ต้องเปลี่ยนเครื่อง โดยในวันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลเวลา 13:00 น จะรวบรวมข้อมูลการทุจริตคอรัปชั่นทั้งหมดไปให้นายกรัฐมนตรีและจะตั้งโต๊ะแดง ตรวจโชคชะตาของบ้านเมือง ก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง ซึ่งข้อมูลทุจริตคอรัปชั่นมีเกือบทุกกระทรวง ทบวงกรมที่เจ้ากระทรวงไม่เคยดูแลหรือสนใจ มีตั้งแต่แก๊งพนันออนไลน์ไซส์ x ไซส์ L แก๊งเงินกู้ ไม่ใช่แค่องค์กรตำรวจแต่ยังรวมไปถึงสถาบันตุลาการที่มีปัญหามานาน

จากนั้นพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ได้เข้ามารับเอกสารร้องทุกข์กล่าวโทษจากนายชูวิทย์ และกล่าวว่า ความผิดของนายหยู ซินฉี ตอนนี้ มีการแจ้งข้อหาไปแล้ว 3 ข้อหาคือ 1.พรบ.คอมพิวเตอร์ 2. พรบเรี่ยไร 3. การจัดตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งทั้งหมดเป็นความผิดพื้นฐาน โดยการทำงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยแลกเปลี่ยนข้อมูล

สำหรับความผิดตามมาตรา 112 หลักคือต้องมีการกล่าวหานายชูวิทย์จึงอาสามาเป็นผู้กล่าวหาเอง ซึ่งตนเองได้แจ้งผบ. ตร.ไปแล้ว จากนี้ก็จะสืบสวนต่อไป สำหรับตัวอยู่ชิ้นสีหากได้รับโทษในประเทศไทยแล้วก็จะถูกผลักดันออกนอกประเทศอย่างถาวร

ส่วนการเปิดเผยแก๊ง 14 เค กลุ่มทุนจีนจากมาเก๊าฮ่องกง จากนายชูวิทย์ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์บอกว่า กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ