‘นครพนม’ ชูไฟ 30,000 ดวงไล่ ‘ประยุทธ์’ ‘เศรษฐา’ ย้ำชัดๆ ต้องไม่แบ่งคะแนนให้ภูมิใจไทย

‘นครพนม’ ชูไฟ 30,000 ดวงไล่ ‘ประยุทธ์’ ‘เศรษฐา’ ย้ำชัดๆ  ต้องไม่แบ่งคะแนนให้ภูมิใจไทย ไม่เช่นนั้นประยุทธ์มาแน่

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 66 พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ที่โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นำโดย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย  พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย

ประกอบด้วย ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต1 เบอร์6, มนพร เจริญศรี ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต2 เบอร์2, ไพจิต ศรีวรขาน ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต3 เบอร์2, และ ณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต4 เบอร์1

โดยมีประชาชนในอำเภอเมือง และอำเภอใกล้เคียงร่วมฟังปราศรัยอย่างคึกคักกว่า 3 หมื่นคนโดยมีประชาชนจำนวนมากถือดอกไม้ พวงมาลัย บ้างก็ชูป้ายกระดาษเขียนด้วยลายมือว่า “มาด้วยใจ เพื่อไทยเต็มร้อย หมายเลข 29” มารอชูต้อนรับนายเศรษฐาและคณะของพรรคเพื่อไทย ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เศรษฐา ทวีสิน เริ่มต้นปราศรัยว่าพี่น้องคงเห็นชัดเจนแล้วว่าตลอด 8 ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพังต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยนี่ ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชน นำกัญชาเสรีมามอมเมาพี่น้อง แล้วพอวันนี้มาเลือกตั้งก็มาบอกพี่น้องประชาชนว่า ส.ส.เขต ให้เลือกภูมิใจไทย ส.ส.พรรคให้เลือกเพื่อไทย พี่น้องต้องอย่าเชื่อ เพราะไม่อย่างนั้น พลเอกประยุทธ์จะกลับมาอีกครั้งแน่นอนเพราะเขามีเสียง ส.ว. 250 คนในมือ

พรรคเพื่อไทยมาหาพี่น้องถึงนครพนม เอานโยบายดีๆ มาให้พี่น้อง เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทถึงมือพ่อแม่พี่น้องแน่ ใครบอกทำไม่ได้ เราบอกได้เลย เราทำได้ ส่วนราคาข้าวสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำราคาไว้สูงให้พี่น้องมีรายได้ดีใช่ไหมครับ

ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาจะทำให้เท่ากันหรือสูงกว่า เราจะลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้พี่น้อง 3เท่าใน 4 ปีให้ได้

“นโยบายดีๆ จะเกิดไม่ได้ถ้าพี่น้องแบ่งใจ แยกให้ภูมิใจไทย ผมมาขอร้องให้พี่น้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น มิเช่นนั้น ประยุทธ์จะกลับมา โห่ไล่ดังๆ ให้ถึงทำเนียบรัฐบาลไปเลย 14 พฤษภาคมนี้ขอร้องชาวนครพนม  เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เข้าคูหากาเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” เศรษฐา กล่าว


จาตุรนต์ ฉายแสง ปราศรัยกับพี่น้องประชาชนว่า วันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังอกสั่นขวัญแขวนว่าตัวเองจะได้ถึง 25 เสียงหรือไม่ แต่เราต้องไม่ประมาทเพราะพลเอกประยุทธ์ยังมี 250 เสียงของ ส.ว.อยู่ในมือ ซึ่งนี่คือกติกาโจรที่เอาเปรียบกัน เรากว่าจะได้แต่ละเสียงต้องเดินเหนื่อยแทบตายแต่เขามี 250 เสียงรอตั้งรัฐบาล

ดังนั้น นครพนม เคยเลือกตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนยกจังหวัดมาแล้ว วันนี้มาขอแรงอีกครั้งขอให้เลือกเพื่อไทยยกจังหวัดนครพนม เพื่อจะได้ร่วมกันเปลี่ยนรัฐบาลร่วมกับพี่น้องอื่นทั่วประเทศ


.
“ราคาข้าวพี่น้องเคยดีที่สุดในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย ยาเสพติดเราปราบจนหมดหมู่บ้าน โดยเฉพาะ ส.ส.มนพร เจริญศรี ปราศรัยในสภาทุกครั้งตรวจสอบยาเสพติดอย่างเข้มข้น เราต้องเลือกส.ส.นักสู้แบบนี้เข้าไปทำงานปราบยาเสพติดให้หมดไป ขอแรงนครพนมเลือกเพื่อไทยยกจังหวัดอีกครั้งให้แลนด์สไลด์ยกจังหวัดเพื่อตั้งรัฐบาลเพื่อไทยให้ได้” จาตุรนต์ กล่าว

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยปิดท้ายเวทีว่าแผ่นดินอีสานนี้เป็นแผ่นดินที่มีนักสู้ลูกอีสานเป็นจำนวนมาก เคยมีอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรีสู้กับเผด็จการจนถูกฆ่าตายก็มาก แต่เขาเหล่านั้นเช่น ครูครอง จันดาวงศ์ ผู้ไม่ยอมจำนน ประกาศวาทะอันลือลั่นต่อหน้าเผด็จการก่อนเดินเข้าหลักประหารว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” จนเป็นเกียรติยศจนถึงทุกวันนี้

ชาวนครพนมก็เช่นกัน เคยต่อสู้และร่วมเจ็บปวดกับความสูญเสียบนแผ่นดินอีสาน ดังนั้นเราต้องสืบทอดเจตนารมณ์ ไม่เอาเผด็จการ ลูกหลานนครพนมต้องไม่เลือกเผด็จการกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกในรอบนี้

“เราให้โอกาสประยุทธ์ ไม่ได้อีกแล้ว เราแบ่งคะแนนให้ใครไม่ได้อีกไม่ว่าจะครูแก้วครูขวดครูขันอะไร นี่แผ่นดินประชาธิปไตยที่พี่น้องจะเลือกทางเดินและอนาคตของตัวเอง เลือกตั้งครั้งนี้ต้องไม่แบ่งใจให้ใคร ถ้าคะแนนแตกปลายไม่มีใครชนะ ประยุทธ์จะกลับมาแน่ เราให้โอกาสประยุทธ์ไม่ได้อีก เราต้องเลือกเพื่อไทยเพื่ออนาคตที่ดีกว่า” ณัฐวุฒิ กล่าว